เมื่อเราแก่ตัวลง
เมื่อเราแก่ตัวลง
เคยคิดเล่นๆกันบ้างหรือไม่ว่า เมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ในวัยนี้ ใช้ชีวิตรูปแบบไหน สมมุติว่าเรามีลูกเต้าห้อมล้อม หากลูกแต่ละคนเมื่อเติบโตขึ้น มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจต่างกัน วิถีการดำเนินชีวิต ทัศนคติ สังคม ไม่เหมือนกัน และในบางครั้ง นิสัยพวกเขาก็เปลี่ยนไปจากตอนเป็นเด็กอยู่มากจนเกินการคาดเดา
หากเราเป็นผู้สูงวัยที่ต้องการพึงพาลุกหลาน ประโยคอุดมคติ อุตส่าห์เลี้ยงมาจนโต หวังจะฝากผีฝากไข้ก็ตอนแก่เฒ่า เราจะพึ่งพาเขาได้มากน้อยแค่ไหน หากต้องพึ่งพาเขา 100 เปอร์เซ็นต์ในทุกด้าน เราจะพบกับอะไรบ้าง?
ค่ารักษาพยาบาล หากไม่ได้มีสวัสดิการใดๆเลย ค่ายา ค่ารักษา ค่าแพทย์ ก็สูงอยู่พอตัว ใครจะจ่ายให้เรา
วันที่ไปหาหมอ ใครจะพาไป ในเมื่อทุกคนต้องทำงาน ต้องดูแลครอบครัวของตัวเอง หรือลูกหลานตั้งเวรสลับกันไป
หากพบโรคร้ายต้องผ่าตัด ใครจะเป็นคนตัดสินใจ ร่างกายเรา อยากรักษาหรือพอแค่นี้ ไม่อยากเจ็บตัวแล้ว เราในวัยชราตัดสินใจเองได้ไหม หรือจะเกรงใจลูกหลานดี เพราะเขาเป็นคนดูแลเรา ให้เขาช่วยตัดสินใจจะดีไหม
หรือรู้สึกเป็นภาระ ถ่วงความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานลูกหลาน หรือเป็นส่วนหนึ่งของต้นเหตุทำให้ครอบครัวเขาทะเลาะกันเอง
ปัญหาเหล่านั้นจะเบาบางหรือหมดไป หากผู้สูงอายุ วางแผนให้ดีเมื่อเข้าสู่วัยชรา การมีสถานะการเงินที่มีคุณภาพในบัญชีของตัวเอง จะช่วยให้เราจัดสรรชีวิตได้ง่ายขึ้น บางท่าน เมื่อถึงวัยเกษียณ จึงมองหาบ้านหลังใหม่ที่เรียกว่าเนิสซิ่งโฮม
( Nursing Home ) หรือ Residence ที่พักซึ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงวัย ห้องพัก ห้องน้ำ ทางลาด ทางเดิน ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับวัย สระว่ายน้ำแบบธาราบำบัด Fitness ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัย โดยมีนักกายภาพบำบัด เข้ามาช่วยดูแล มีบริการซักผ้า ทำความสะอาดห้อง พาออกไปซื้ออาหารทุกสัปดาห์ตามตารางที่กำหนดรวมทั้งมีรถรับ-ส่งไปสถานที่ต่างๆอีกด้วย
ที่พัก Residence ในหลายโครงการจะรวมถึงการเซ็นคำขอสุดท้ายของชีวิต เช่น การขอไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ ไม่เจาะคอ เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง หรือบางครั้งจะรวมถึงการสั่งเสียหลังความตาย เช่นเผาแล้ว นำกระดูกไปไว้ที่ไหน ส่งให้ญาติพี่น้องท่านใดเป็นต้น